วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

โคลนติดล้อ

ตอน ความนิยมเป็นเสมียน
ผลแห่งการบูชาหนังสือจนเกิดเหตุตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วนั้น มีอยู่อีกอย่าง หนึ่งซึ่งข้าพเจ้าจะขอเรียกว่า ความนิยมเป็นเสมียน เพราะจะหาคำให้สั้นกว่านี้ไม่ได้
เด็กทุกๆ คนซึ่งเล่าเรียนสำเร็จออกมาจากโรงเรียนล้วนแต่มีความหวังฝันอยู่ว่าจะได้มาเป็นเสมียนหรือเป็นเลขานุการ และจะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วๆ เป็นลำดับไป เด็กที่ออกมาจากโรงเรียนเหล่านี้ย่อมเห็นว่ากิจการอย่างอื่นไม่สมเกียรติยศ นอกจากการเป็นเสมียน ข้าพเจ้าเองได้พบเห็นพวกหนุ่มๆ ชนิดนี้หลายคนเป็นคนฉลาดและว่องไว และถ้าหากเขาทั้งหลายนั้นไม่มีความกระหายจะทำงานอย่างที่พวกเขาเรียกกันว่า “งานออฟฟิศ” อาจจะทำประโยชน์ได้มาก การที่จะบอกให้เขาเหล่านี้กระทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยกลับบ้านไปช่วยบิดามารดาทำการเพาะปลูกนั้นเป็นการป่วยกล่าวเสียเวลา เขาตอบว่าได้รับการศึกษามาแล้วไม่ควรจะเสียเวลาไปทำงานชนิดซึ่งคนที่ไม่รู้หนังสือก็ทำได้ และเพราะเขาไม่อยากจะลืมวิชาที่เขาได้เรียนรู้มาจากโรงเรียนนั้นด้วย ท่านผู้ที่มีความคิดคงจะเข้าใจได้ว่า ชาวสวนอาจจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้
มากกว่าเสมียน ถ้าเปรียบพืชที่เขาได้ทำให้งอกต้องนับว่าน้อยกว่าผลที่เขาได้กินเข้าไป
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังนึกว่าตัวเขาดีกว่าชาวนา และข้อที่ร้ายนั้น พวกเราทั้งหลายก็พลอยยอมให้เขาคิดเห็นเช่นนั้นเสียด้วย ดังนี้จะไม่เป็นการสมควรแล้วหรือ ที่เราจะสอนให้พวกหนุ่มๆ ของเราปรารถนาหาการงานอื่นๆ อันพึงหวังประโยชน์ได้ดีกว่าการเป็นเสมียน ถ้าเราจะสอนเขาทั้งหลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่จะเป็นผู้เพาะความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศ เช่น ชาวนา ชาวสวน พ่อค้าและช่างต่างๆ จะไม่ดีกว่าหรือ? ท่านเชื่อหรือว่าพวกหนุ่มๆ ของเราจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองโดยทางเป็นเสมียนมากกว่าทางอื่นๆ? เราจะมีข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่อุดหนุนคนจำพวกที่จะเพาะสิ่งของนั้นๆขึ้น? ท่านทั้งหลายจะช่วยได้เป็นอันมากด้วยความเห็นของท่าน เพราะถึงแม้ว่าพวกหนุ่มๆ นั้นจะมีความคิดเห็นว่าตัวสำคัญปานใดก็คงจะต้องฟังความเห็นของผู้อื่น ถ้าความเห็นของสาธารณชนเห็นว่าชาวนา ชาวสวน พ่อค้า และ ช่างต่างๆ มีเกียรติยศ เสมอเสมียนและไม่ยกเสมียนขึ้นลอยไว้ในที่อันสูงกว่าควร ก็จะเป็นประโยชน์ช่วยเหลือได้มาก

ไม่มีความคิดเห็น: